วิธีมันมีในหนังสือในเนต ร้อยแปดละครับ แต่ทำไม ทำตามละก็ยัง ไม่รู้จะเอาไงต่อ
ผมลองทำมาหลายวิธีละ ผมไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่ผมดันรู้มากไป
รู้ไปหมดว่าตัวเองชอบนั่นนี่ ชอบหลายอย่าง หลายใจ รักพี่เสียดายน้อง อันนั้นก็สำคัญ อันนี้ก็อยากทำ อันนี้ก็ใช่ จนเลือกพลาด
ถ้าใครรีบอ่านแค่ 2 ข้อนี้พอ
1.หาความชอบให้ตรงจุด ตรงประเด็น
2.เอาข้อ 1 มาทำอย่างไรสักอย่างกับชีวิต จะงานหลัก งานอดิเรก งานข้างเคียง งานรายได้เสริม ว่าไป
หัวข้อ1. วิธีหาความชอบให้ตรงจุด เริ่มเลย
1.เตรียมกระดาษ 3 แผ่น + ส้ม 1 ผล
2.เขียนหัวข้อ
แผ่นที่ 1 ว่า 10 สิ่งที่ชอบทำ เอาเนื้อส้ม วางไว้
แผ่นที่ 2 ว่า 10 สิ่งที่ชอบเสพ บีบน้ำส้ม วางไว้
แผ่นที่ 3 ว่า 10 สิ่งที่จะทำก่อนตายหากมีโอกาส แกะเปลือกส้มวางไว้
ขั้นแรก ต้องลิสแยกประเภทการเสพกับการทำก่อน ขอเกริ่นก่อนว่าผมเลือกคณะผิดเพราะดันเลือกจากสิ่งที่ชอบเสพนี่แหละ
ตัวอย่าง
10 ข้อที่ชอบเสพ น้ำส้ม
1.ดูหนัง/การตูน
2.อ่านหนังสือ
3.กินเบียร์ (อันนี้เสพติดรึป่าว)
4.ชอบศึกษาเรื่องคอม เรื่องกล้อง
เรื่องการออมการลงทุน
และอื่นๆแล้วแต่จะบ้าในตอนนั้น (แต่ไม่ได้อยากเป็นช่างคอม ไม่ได้อยากเป็นช่างภาพ เสพเฉยๆ)
10 สิ่งที่ชอบทำ เนื้อส้ม
1.ดำน้ำ ว่ายน้ำ
2.เล่นกีฬา
3.เดินป่า ตั้งแคมป์
4.เล่นดนตรี
5.เดินทางท่องเที่ยว
6.ฝึกภาษา
7.สะสมของบางอย่าง
10 สิ่งที่อยากทำ หากมีโอกาส (ข้อนี้เขียนโดยไม่ต้องสนโลกความเป็นจริงเลยครับ เอาฟีลลิ่งบ้าๆของคุณออกมา ไว้ทำเวลาคุณมีโอกาส) เปลือกส้ม
1.ขับเครื่องบิน
2.ไปรบกับนักรบสปาตาร์
3.เล่นกล้าม
4.ไปนอกอวกาศ
5.ตามล่าหาซื้อดิจิม่อนเก็บไว้
6.ไปบอกชอบคนที่แอบชอบมาหลายปี
ความขัดแย้งอย่างนึงในตัวอย่างผมคือ
ผมชอบเสพหนังมาก เสพหนังสือและการ์ตูน เวลาเสพมันช่างถูกดูดเข้าไป แต่การเขียนหนังสือ วาดการ์ตูน มันน่าเบื่อ
ผมไม่ชอบดูการแข่งกีฬาหรือคอนเสิร์ตมันน่าเบื่อ แต่!!!สิ่งที่ผมชอบทำกลับเป็นพวกกีฬา ผจญภัย การเดินทาง และดนตรี
ผมสนใจเรื่องประเภทของกาแฟ วิธีชง กลิ่น มอคค่า เอสเปรสโซ่ อะไรๆอีกบ้าง ให้สั่งผมสั่งถูกหมด มีส่วนผสมอะไรบ้าง รู้หมด
แต่… ผมไม่กินกาแฟ ไม่ชอบรสชาติมันเลย รสมันติดๆฟันไงไม่รู้ ผมชอบกินชา และผมไม่รู้ด้วยว่าชามีกี่ประเภท แต่กินทุกวัน เขียนสั่งเอาตามเมนู
ผมชอบใส่ชุดบอล เป็นเอกลักษณ์ผมเลยไปไหนใส่ชุดบอล แต่โทษทีไม่ชอบเตะบอล เดาะบอลยังไม่เป็นเลยมั้ง ไม่ชอบกีฬาทีม ชอบว่ายน้ำ ดำน้ำ
เห็นมั้ยว่า สิ่งที่ชอบเสพกับชอบทำ บางทีก็ไม่ตรงกันเสมอไป
ตัวอย่างเช่น ดูโคนันครับ โคนันที่อ่านหนังสือสืบสวนของพ่อ แล้วชอบจนอยากเป็นนักสืบ
แต่ไม่ได้อยากเป็นนักเขียนซะหน่อย โคนันชอบอ่านหนังสือสืบสวน เพราะหลงไหลเรื่องราวในนั้น อยากเป็นแบบนั้น ไม่ได้อยากมีหนังสือเป็นของตัวเอง
พร้อมกันก็ชอบเล่นฟุตบอล เล่นซะเก่งมาก แต่ก็แค่เอาเป็นงานอดิเรก ให้ร่างกายแข็งแรง
*ลองคิดดูถ้าโคนันเข้าใจผิดว่า ตัวเองชอบนิยายแนวสืบสวนสอบสวน แล้วไปเป็นนักเขียนนิยายสืบสวน กว่าจะรู้ตัวจริงๆของตัวเอง
คนไม่ตายฟรี เป็น พันละเรอะ
หัวข้อที่ 2 แล้วจะเอามาทำยังไงกับชีวิต
ข้อแรก คุณต้องวางน้ำหนัก ความสำคัญครับ
คนบางคนไม่ได้ทำงานที่ชอบ แต่ทำงานที่เฉยๆ เพื่อสิ่งที่ชอบ
เช่น หยอยศักดิ์ชอบสะสมโมเดลมาก มีความสุขที่สุดเวลาได้ประกอบโมเดล (แต่ไม่ได้อยากเป็นคนออกแบบโมเดล)
หยอกศักดิ์ก็ทำงานที่ถนัดเพื่อเงิน เพื่อที่จะเอาเงินมาสร้าง โกดังสะสมโมเดล ตั้งชมรมขึ้นมาเป็นงานอดิเรก
เพราะโมเดลเป็นสิ่งที่เสพ เอามาเป็นอาชีพไม่ได้ นอกจากจะ เป็นนักออกแบบ เป็นคนสร้าง ซึ่งอยากเป็นรึป่าว ถ้าไม่อยากเป็นแล้วไปทำจะพาลเกลียดเอานะ
มันควรอยู่ใน สายงานอาชีพที่จะทำงาน หรือควรอยู่ในงานอดิเรกดีกว่า
หลายๆอย่างขึ้นอยู่กับ 3 ข้อนี้คับ คือ โอกาส เงิน และความสามารถ
ทั้งนี้คุณชอบเล่นฟุตบอล มีความสุขที่ได้เล่น ว่างเมื่อไหร่ก็เฮ้ยเตะบอลกัน
หรืออยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ต้องติดทีมชาติให้ได้ต่อให้เกษียณแล้วกุกะจะเป็นโค้ช อยู่สายอาชีพนี้ไปตลอด
ผมจะยกตัวอย่างเรื่องผมคร่าวๆเองเลยที่เลือกคณะผิด
ผมชอบหนัง ชอบหนังสือ นี่เป็นสิ่งที่ผมชอบเสพมากที่สุดใช่ไหม
ผมจึงเลือกเรียน คอมพิวเตอร์อาร์ต ได้ทั้งการทำหนัง การคิดบท เขียนบท วาดรูป ปั้นโมเดล ได้ครบเลย แลดูชีวีสุขสันต์
ผลคือ ผมน่าจะแฮปปี้แบบเปปทีนนี่นา แต่ขอบอกว่า เดี๋ยวนี้ไม่เคยเดินเข้าร้านการ์ตูนเลยครับ เกลียดไปเลย
ผมไม่ชอบ ผมอึดอัด ไม่มีความสุข แรกๆปี1 ก็สนุก เพราะเวลาคนเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ สมองจะสดชื่นครับ
จากสิ่งที่ผมชอบทำ ผมจะหาเวลาฝึกภาษา เรียนรู้วัฒนธรรมของต่างชาติ หลงไหลการเดินทาง
ผมควรจะเรียน ศิลป์ศาสตร์ หรือการท่องเที่ยว แล้วไปนอนดูหนัง อ่านการ์ตูน เป็นงานอดิเรก ถูกมั้ย
เพราะเรื่องภาษา เรื่องการเดินทาง ผมหาความรู้ใส่ตัวมาสม่ำเสมอตั้งกะไหนกะไรแล้ว โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ
รู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ต้องเรียนรู้ไว้ มันเป็นสัญชาตญาณที่ทำไป
ผมกลับเอามาสลับกัน เข้าใจว่า ไอ้การท่องเที่ยวเนี่ยคืองานอดิเรก คนเราต้องเรียนในสิ่งที่ชอบสิ จะได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ เปปทีนเขาก็ว่างั้น
ตอนนี้เป็นไงละ ปี 4 แล้วไง อีกเทอมเดียวก็จะจบแล้ว รู้สึกเหมือนอ้วกแล้วกลืน แล้วอ้วกใหม่ แล้วกลืนอีก 7 เทอม ก็ 7 รอบแล้วครับ เทอมสุดท้ายก็คงกลืนอ้วกอีก
ถ้าบางคนสงสัยว่าผมอดทนเรียนมาทำไม เสียเวลา
1.คือผมเลือกเอง ผมเลือกแล้ว และก่อนเลือกก็คิดดีแล้ว (ในตอนนั้น)
2.ค่าเทอม 50% ที่บ้านส่งผม ค่าหอและค่ากิน 100% ที่บ้านส่ง
3.ผมได้รับอนุญาติจากพ่อให้มาเรียนที่กรุงเทพ ในขณะที่ช่วงนั้นพ่อก็ไม่ค่อยพร้อม แต่พ่อจับมือผมหน้าร้านข้าวมันไก่สัญญาว่าจะส่งผมเรียน
และพ่อก็ไม่ผิดสัญญา
ฉะนั้นสิ่งที่ผมต้องทำมากกว่า ความชอบ คือความรับผิดชอบ
ผมจึงค้นหาว่าจะหาทางออกแฟร์ๆยังไงโดยที่ไม่ทรมานตัวเอง และไม่เดือดร้อนที่บ้าน
ผมพบว่า
ภาษาเรียนข้างนอกได้ จบ1เรื่อง
ผมจบมาผมมีความรู้ด้านโปรดักชั่นกว้างขวาง ไปทำหนังสารคดีได้ ไปทำงานหนังสือสารคดี/การท่องเที่ยวได้ ตอบโจทย์ กับความชอบเรื่องการเดินทาง
เพราะผมไม่ได้บอกนิว่าอยากเป็นไกด์ แค่บอกว่าชีวิตผมคือการเดินทาง อาชีพอะไรที่ได้เดินทางเจอโลกบ่อยๆ ก็ตอบโจทย์ผมแล้ว
โอเค ผมเกลียดการเขียนการ์ตูน เกลียดการวาด แต่ผมมีใจให้การทำหนังนะ นี่คือการปรับทัศนคติ ว่าทุกอย่างไม่ได้แย่ไปทั้งหมด
ใครจะรู้วันนึงผมอาจจะถือกล้องวิดิโอ ไปซุ่มรอถ่าย ตุ๊กแก หลังบ้านคุณ เพื่อมาทำสารคดี งูเขียวกินตุ๊กแก ก็ได้
หากอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ขออภัยด้วยครับ เป็นกระทู้แรกที่อยากตั้งให้มันเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง
ไปดูกระทู้ผมสิ มีแต่ถามๆๆ เอาความรู้ใส่ตัว จึงอยากจะตอบแทนอะไรชาวพันทิปบ้าง
ถ้าช่วยใครได้สักคน แค่นั้นก็ดีใจแล้วครับ
* อ่อเรื่องส้มนะ เป็นแค่การเปรียบเทียบครับ ว่าสิ่งที่เราชอบเสพหน่ะ มันก็เหมือนน้ำ เหมือนงานอดิเรก
สิ่งที่ทำจริงๆต่างหากคือเนื้อ ส่วนเปลือกส้ม ดูเหมือนไร้ความสำคัญ แต่ลองดูดีๆ มันลดกลิ่นเหม็นได้ ไล่มด แมลงได้
เปรียบเสมือน สิ่งแปลกใหม่ในชีวิต ที่ไม่น่ามี แต่ก็มีได้ คุณก็ดูเอาแล้วกันว่าเปลือกส้มของคุณเอามาใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
แต่ละคน ก็ส้มคนละพันธุ์ครับ
Cr : สมาชิกพันทิป ท่ายาก