สวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านค่ะ
แหม ห่างหายไปนานจนแฟนคลับถามหาว่าไปลาคลอดรึเปล่า เปล่าค่ะเปล่า
เอาเป็นว่าวันนี้มาจัดเต็มเกี่ยวกับครีมผิวขาวออนไลน์ ที่มีขายมากมายในอินเทอร์เนตกันค่ะ
“มีน้องที่รู้จักท่านหนึ่ง รู้ทั้งรู้ว่า ครีมผิวขาวที่สั่งซื้อทางอินเทอร์เนตนั้นผสมสารปรอท (ทดสอบแล้ว…ไม่ขอบอกยี่ห้อนะคะ) แต่ชีก็หยุดไม่ได้ เพราะหยุดหน้าจะกลับมาคล้ำเหมือนผิวเดิม”
“พิ้งกี้ ก็เคยนำยาทาฝ้าที่ผสมไฮโดรควิโนน มาผสมกับโลชั่นทาตัว พอไปออกแดด แล้วผิวไหม้แสบแดง ทั้งที่ทากันแดดอย่างดี”
“มีหลายคนทราบว่า กรดวิตามินเอที่ใช้รักษาสิว สามารถลดการสร้างสีผิวได้ จึงนำมาผสมกับครีมทาหน้า แต่ไม่ได้ป้องกันผิวจากแสงแดด หน้าจึงแสบ แดง ลอก และไหม้ไปตามๆกัน”
“หลายคนทราบว่า ยาสเตียรอยด์ มีผลข้างเคียงคือ ทำให้ผิวเกิดด่างขาว หลายคนจึงนำมาทารอยดำ บางคนทาทั่วหน้า จนยาสะสมในร่างกาย ระยะยาวจึงเกิดผลเสียตามมามากมาย”
เมื่อสารสกัดจากทั่วทุกมุมโลกที่ต่างทยอยนำส่วนผสม เข้ามาส่งประกวด ทั้งยี่ห้อทั้งไทยและเทศ มันไม่ได้ขาวไวดั่งโฆษณา(บางยี่ห้อ ขนาดแพงมากๆๆๆ ยังไม่เห็นผล ) พวกโลกสวยทั้งหลายจึงผิดหวัง และหันมาสั่งครีมทางอินเทอร์เนตแทน (เสมือนซื้อหวยใต้ดิน ที่ราคาไม่แพง แต่โอกาสถูกเยอะกว่า 555) เมื่อปากต่อปากว่าขาวไว ทันใจ หน้าเด้ง พริตตี้ใช้ แต่หารู้ไม่ว่าอาจตายผ่อนส่งโดยไม่รู้ตัว
สารต้องห้ามในเครื่องสำอางมีอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่าค่ะ
1. ปรอทแอมโนเนีย
ปรอทแอมโมเนีย (รบกวนเอนไซม์ไทโรซิเนส โดยรวมตัวกับโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ หรือโดยการจับกับไอออนทองแดงที่มีอยู่ในเอนไซม์ ทำให้ลดการสร้างเมลานิน…..สรุปแบบไม่งง คือยับยั้งการสร้างเม็ดสีชนิดเข้ม) ทำให้หน้าขาวขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว (พิ้งกี้เคยใช้ทารอยดำสิว จางลงใน 1-2 วัน ส่วนน้องที่ทำงานที่ผิวคล้ำ แต่ใช้ทาหน้าแล้วขาวใน 1 อาทิตย์ จนหน้าขาวกว่าคอ พอหยุดใช้ก็กลับมาผิวคล้ำเหมือนเดิม น่ากลัวมาก) สารชนิดนี้สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนังได้สบายๆค่ะ พิษเฉียบพลันคือ สิวเห่อ หน้าบวมแดง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย มีแผลในปาก ไตวาย ถ่ายเป็นเลือด ส่วนพิษเรื้อรังคือ ผิวด่าง-ดำ ทำให้สมอง ตับ และไตผิดปกติ เกิดภาวะเลือดจาง เลือดออกง่าย (นึกภาพสิคะ หากเราทาทุกวัน ก็เสมือนฆ่าตัวเองไปทีละนิดๆ)
พิ้งกี้เคยรู้จักกับ นักออกแบบเวปไซด์ท่านหนึ่ง ที่มักรับงานทำเวปไซด์เพื่อขายเครื่องสำอางที่ผสมสารปรอทให้กับแม่ค้าหลายเจ้า และได้ผลิตภัณฑ์มาใช้ พบว่ามีสารปรอทจริง …..แม่ค้าบอกว่า เดี๋ยวนี้ ใครๆก็ผสมกันทั้งนั้นแหล่ะ ไม่งั้นก็ขาวไม่ไวสิคะ…..แหม ฟังล่ะ ของขึ้น กรรมใครก็กรรมมันค่ะ ไม่สนองชาตินี้ก็สนองสักชาตินั่นแหล่ะ
วิธีทดสอบแบบไม่เป็นทางการว่า เครื่องสำอางที่เราซื้อนั้นมีสารปรอทหรือไม่ แนะนำดังนี้ค่ะ
ผสมผงซักฟอกกับน้ำนิดหน่อยจนเป็นครีมข้นๆ แล้วพักไว้ หลังจากนั้นตักครีมที่สงสัยประมาณ 1 เมล็ดถั่วแดง วางบนกระดาษทิชชู่ หลังจากนั้นจึงเทน้ำผงซักฟอกที่เตรียมไว้ลงไปบนครีม และยกไปเสิร์ฟคนในบ้านเป็นของว่าง!!!….ล้อเล่นค่ะ จับตารอไม่เกิน 5 นาที สีครีมจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม นั่นไม่ได้แปลว่า มีสารปรอท 100%นะคะ แค่“น่าจะ”เท่านั้น ทางที่ดี เราควรใช้ Test Kit ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะแน่นอนกว่าค่ะ หากครีมที่ท่านสงสัยมีสารปรอทจริง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยด่วนเพื่อแก้ไขได้ทันท่วงทีนะคะ
2. ไฮโดรควิโนน
ไฮโดรควิโนน เคยเป็นสารที่นิยมใช้กันมากในครีมป้องกันฝ้า ความเข้มข้นไม่เกินร้อยละ 2-4 สารนี้ออกฤทธิ์ลดการสร้างเมลานินเพียงชั่วคราว หากหยุดใช้จะกลับเป็นอย่างเดิมหรือเป็นมากกว่าเดิม ไฮโดรควิโนนมักทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับกรดวิตามินเอ และหากใช้ไฮโดรควิโนนติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 6 เดือน จะทำให้เนื้อเยื่อภายในผิวหนังเกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำ ดังนั้น ไฮโดรควิโนนจึงถูกกำหนดเป็นสารห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางในปัจจุบันค่ะ
วิธีทดสอบแบบไม่เป็นทางการว่า เครื่องสำอางที่เราซื้อนั้นมีสารไฮโดรควิโนนหรือไม่ วิธีการทดสอบเหมือนทำกับสารปรอทค่ะ
การทดสอบข้างต้น เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้นอย่างง่ายๆ โดยใช้หลักการที่ใช้สารละลายที่เป็นด่าง จากผงซักฟอก ทำให้ไฮโดรควิโนนเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล แต่เพื่อความชัดเจนแน่นอน ควรใช้ Test Kit ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ และท่านสามารถแจ้งผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าจะมีสารไฮโดรควิโนน โดยโทรแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่หมายเลขโทร 0-25907354-5 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งค่ะ
ปกติแล้ว สารไฮโดรควิโนนนั้น พบได้เป็นปกติในคลินิกผิวหนัง หรือโรงพยาบาล เพื่อใช้ในการรักษาฝ้า หากครีมหน้าขาว หรือครีมทาฝ้าที่ท่านซื้อมาจากที่อื่นที่ไม่ใช่จากแพทย์ พบสารไฮโดรควิโนนจริง อย่าเพิ่งหยุดใช้กะทันหันนะคะ เพราะจะทำให้ฝ้าหรือผิวที่เคยได้รับยา เกิดขาดยากะทันหัน จนอาจเกิดอาการฝ้าลงแดง และหน้าแดง (Rebound Phenomenon) และท่านอาจมีฝ้ากลับมาเข้มขึ้นกว่าเดิม หรือเป็นฝ้าถาวรเลยก็อาจเป็นไปได้
ใจเย็นๆนะคะ แม้ว่าฝ้าจะจางลงไปมากจากครีมที่ท่านใช้อยู่ หากท่านต้องการจะหยุดใช้ พิ้งกี้แนะนำให้ท่านค่อยๆลดความถี่ในการทาครีมที่ผสมสารไฮโดรควิโนนลง เป็นวันเว้นวัน (1 อาทิตย์) ตามด้วย วันเว้น 3 วัน ( 1 อาทิตย์) ตามด้วยวันเว้น 5 วัน( 1 อาทิตย์) และเมื่อครบกำหนดแล้ว 3 อาทิตย์ก็สามารถหยุดได้เลยค่ะ ทางที่ดี ควรไปปรึกษาหมอผิวหนังจะดีที่สุดค่ะ และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งด้วยนะคะ
เพิ่มเติม…
แอดมินไม่สามารถตรวจสอบสินค้าให้แฟนเพจได้ทุกรายการค่ะ
ว่าปลอดภัยหรือไม่ โปรดช่วยกันติดตามด้วยนะคะ ว่ามีอะไรบ้าง
เอามาจากเพจของอาหารและยาค่ะ…